วิลเลี่ยม ฮาร์วี่ (อังกฤษ: William Harvey; 1 เมษายน ค.ศ. 1578 - 3 มิถุนายน ค.ศ. 1657) เป็นแพทย์ชาวอังกฤษผู้ลบความเชื่อเก่าๆของแพทย์ในยุคศตวรรษที่ 17 ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับระบบโลหิตในร่างกาย เขาเป็นผู้ค้นพบการไหลเวียนโลหิตหากทว่ากว่าจะได้รับการยอมรับเขาเสียชีวิตไปเสียแล้ว
วิลเลี่ยม ฮาร์วี่เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1578 ที่เมืองฟอล์คสโตน ประเทศอังกฤษ ในครอบครัวที่ร่ำรวย บิดาของเขาเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองชื่อว่า โทมัส ฮาร์วี่ (Thomas Harvey) ในวัยเยาว์วิลเลี่ยมได้มีโอกาสรับการศึกษาที่ดีจากโรงเรียนแคนเทอเบอรี่ แกรมมา สกูล (Canterbury Gramma School) ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ จากนั้นเขาได้ศึกษาวิชาแพทย์ในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University) หลังจากจบวิชาแพทย์ในปี ค.ศ. 1597 วิลเลี่ยมได้เข้าเรียนต่อในระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยปาดัว (Padua University) ประเทศอิตาลี
ระหว่างที่เขาศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยปาดัว เขามีโอกาสได้พบกับศาสตราจารย์ ฮีโรนิมุส เฟบริซิอุส (Heronimus Fabrisius) ผู้ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้วิลเลี่ยมค้นพบระบบการไหลเวียนโลหิต หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดาปัวเขาได้เข้าทำงานเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์บาร์โทโลมิวกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต่อมาในปี ค.ศ.1607 เขาถูกเชิญให้เป็นสมาชิกของแพทย์สภาและในปีค.ศ. 1618 ได้รับตำแหน่งแพทย์ประจำพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ และสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ โดยระหว่างนั้น วิลเลี่ยมได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับระบบการไหลเวียนโลหิต ซึ่งใช้เวลาค้นคว้านานกว่า 10 ปี จากผู้ป่วยมากกว่า 100 คน จนกระทั่งพบระบบการไหลเวียนโลหิตที่ถูกต้อง
ระบบการไหลเวียนโลหิตในร่างกายมนุษย์ เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ได้แต่ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์หรือนายแพทย์ท่านใดรู้ความจริงที่ว่าเลือดเดินทางอย่างไรในร่างกาย อีกทั้งหน้าที่ของหัวใจก็เป็นสิ่งสำคัญ เมื่อประมาณปี 600 ก่อนคริสต์ศักราช นายแพทย์ชาวกรีก คลาดิอุส กาเลน (Clandius Galen) ได้ศึกษาและอธิบายว่า ระบบโลหิตในร่างกายมนุษย์มีลักษณะคล้ายน้ำขึ้นน้ำลง ส่วนหัวใจมีหน้าที่ทำให้เลือดอุ่น ส่วนหลอดเลือดแดง และหลอดเลือดดำไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกันเลย เพราะฉะนั้นวิธีการรักษาเมื่อเลือดมีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำได้โดยผ่าตัดนำเลือดดำออกมา
ในปี ค.ศ. 1628 วิลเลี่ยมตีพิมพ์ผลงานลงในหนังสือ "การทำงานของหัวใจและระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกายสัตว์" มีรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจว่ามีหน้าที่ในการสูบฉีดโลหิต ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจว่ามีหน้าที่ในการสูบฉีดโลหิต ลักษณะของหัวใจคล้ายกับถุงกล้ามเนื้อที่เต้นอยู่ตลอดเวลา และการเต้นของหัวใจก็ทำให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตโดยมีเลือดแดงที่ไหลออกจากหัวใจไปหล่อเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย จากนั้นเลือดแดงจะกลายเป็นเลือดดำ และกลับขึ้นมาสู่หัวใจอีกครั้งหนึ่ง เลือดจะถูกส่งเข้าไปยังห้องหัวใจซีกขวาด้านบนก่อน จากนั้นจึงไหลเข้าสู่ห้องหัวใจซีกขวาด้านล่าง และส่งออกจากห้องนี้ไปสู่ปอด ซึ่งมีหน้าที่นำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbondioxide) ในเลือดออกไป แล้วนำก๊าซออกซิเจนที่หายใจเข้าไปแทนที่ เมื่อปอดฟอกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงแล้วจะถูกส่งกลับไปยังห้องหัวใจซีกซ้ายด้านบนอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นจะถูกส่งไปยังห้องหัวใจซีกซ้ายด้านล่าง ซึ่งมีหน้าที่ในการส่งเลือดไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกายและจะเป็นระบบเช่นนี้เรื่อยไป เพราะฉะนั้นเมื่อใดที่หัวใจหยุดเต้นก็เท่ากับว่าหยุดการสบฉีดโลหิต เลือดในร่างกายก็จะกลายเป็นเลือดดำ ร่างกายไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้และเสียชีวิตในที่สุด
นอกจากนี้แล้ววิลเลี่ยมยังพบหน้าที่ของลิ้นหัวใจ ซึ่งอยู่ระหว่างห้องหัวใจต่าง ๆ ว่ามีหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับไปทางเดิม นอกจากนี้ เขายังพบหน้าที่ของลิ้นหัวใจ ซึ่งอยู่ระหว่างห้องหัวใจต่างๆ ว่าทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อน เมื่อวิลเลี่ยมเผยแพร่ผลงานการค้นพบออกไปปรากฏว่าวงการแพทย์ไม่เห็นด้วยและถูกต่อต้านอย่างหนัก วิลเลี่ยมทำงานเป็นแพทย์ประจำราชสำนักอยู่นานกว่า 25 ปี จนในที่สุดเขาก็ลาออกจากหน้าที่ในปี ค.ศ. 1646 เนื่องจากชราภาพมากแล้วและ สียชีวิตในปีต่อมาที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 1657การค้นพบของเขาไม่สูญเปล่า เมื่ออังตวน แวน เลเวนฮุค (Anton Van Leeuwenhoek) สามารถประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ได้สำเร็จ ทำให้สามารถพิสูจน์ได้ว่าระบบการไหลเวียน โลหิตของมนุษย์เป็นอย่างที่วิลเลี่ยมได้เคยกล่าวเอา